เมื่อฉันเป็น ประสาทหูเสื่อมเฉียบพลัน (SSHL: Sudden Sensorineural Hearing Loss)

By

/

read

เชื่อว่าบทความนี้ คงดี มีประโยชน์บ้างสำหรับผู้ป่วยในโรคหายาก ระดับ 5 คน ใน 100,000 คน เพื่อเป็นกำลังใจและรักษาอย่างทันท่วงที เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับตัวเอง และกังวลใจมาก เพราะรู้ตัวว่า ความหูพิการมันใกล้กว่าที่เราคิดไว้เลยทีเดียว แม้ไม่ได้ไปทำอะไรเสี่ยง

11/3/2018

เราใช้ชีวิตตามปกติมาก วันนี้อารมณ์ดี ขึ้นไปอาบแดดที่ดาดฟ้าตามปกติ กำลังชื่นชอบการอาบแดด ตอนใกล้จะกลับก็ลงสระลงดำน้ำว่ายน้ำแป๊บนึง แล้วก็กลับเข้าห้อง ทำกิจกรรมอื่นตามปกติ วันนี้ไม่มีงานข้างนอก รู้สึกเหมือนมีน้ำค้างในหูนิดหน่อย แต่ไม่ได้แปลกพิเศษอะไร ก็เช็ดๆ สะบัดตะแคงตามปกติ แต่ไม่รู้สึกว่าโล่ง คิดในใจ เดี๋ยวคงหายเอง  (ไม่คิดอะไร ไม่กังวลอะไรแม้แต่น้อย)

12/3/2018

ตอนบ่ายแก่ๆ ไปยิม และทำงานเทรนนิ่งตามปกติ (ในยิมจะมีการเปิดเพลง และ ผู้คนคุยกันเยอะแยะ เราเองก็ต้องคอยคุยและอธิบายกับลูกเทรน) อาการเหมือนน้ำยังค้างในหูยังมี และมีอาการอู้อี้ๆ อยู่ในลำคอ ตอนทำงาน ต้องพูดไปด้วย รู้สึกได้ว่าเสียงเราเองอู้อี้นิดหน่อย กังวลว่าอาจจะเป็นไข้ แต่ไม่มีอาการอื่นว่าเป็นไข้เลย

ตอนเล่นยิมใส่หูฟังปกติ และไม่ได้เปิดเพลงดัง แต่มีความรู้สึกว่า ข้างซ้ายเงียบกว่าปกติและ ลองใส่หูฟังข้างซ้ายข้างเดียว เหมือนเสียงไปสะท้อนที่หูขวามากกว่า ก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน เริ่มเอะใจ

ในขณะเทรนนิ่งรู้สึกแปลก อื้อๆ ต้องคอยเอามืออุดหูบ้าง แล้วปล่อยบ้างเช็คเสียงตลอดเวลาเพราะมันผิดปกติ

ในตอนค่ำวันนี้ รู้สึกได้แล้วว่า มีเสียงวิ๊งๆ รบกวนในหูข้างซ้ายตลอดเวลา คิดในใจว่าต้องไปหาหมอ เพราะเคยหูอื้อ (แต่ได้ยิน) อยู่เป็นเดือนตอนสมัยวัยรุ่น ตอนนั้นเป็นหวัดหลังจากไปขึ้นเขา หูอื้อแล้วกลืนน้ำลายยังไม่หาย กินยาอยู่เป็นเดือนก็หายปกติ

(ก็ยังไม่กังวลว่าจะเป็นอะไรหนัก เพราะคิดว่า หูอื้อเฉยๆ มีทางรักษาไม่ยาก เดี๋ยวก็หาย)

13/3/2018 เช้า

ชาวบ้านเค้าเล่นน้ำสงกรานต์กันแล้ว แต่เราตั้งใจไปหาหมอก่อน เพราะคนน่าจะน้อย เผื่อสบายใจก็จะได้ไปเล่นน้ำ เพราะได้ยินเสียงลดลงและอาการอื่นมันมากขึ้นจนกังวลว่าจะไม่ได้เล่นน้ำ แต่แค่คิดว่า น้ำคงค้างคาหูหรือ ขี้หูตันมากกว่า ขับรถไป รพ. พระรามเก้า อย่างสบายใจ ไม่คิดไรมากมาย

ไปถึง รพ. พระรามเก้า 10 โมง ผิดคาดมาก คนป่วยแผนกนี้คนรอเพียบ รอจน 11 โมงได้ตรวจ

  • หมอซักถามแล้วส่องคอ ส่องหู ให้เม้มปาก บีบจมูกสั่งน้ำมูกในขั้นตอนการส่อง บอกปกติ
  • ให้ส่ายตาจ้องระดับนิ้วชี้มือหมอ ที่หมอขยับบนล่างซ้ายขวาไปมา เป็นปกติ
  • ให้เอานิ้วชี้แตะนิ้วชี้หมอแล้วมาแตะปลายจมูก โดยหมอเลื่อนนิ้วไปมา บนล่างซ้ายขวา เป็นปกติ
  • ใช้ส้อมเสียงมาทดสอบการได้ยิน ข้างหน้าข้างหลัง ของหูทั้งสองข้าง ให้ยิงฟันและเอาส้อมเสียง แตะฟัน มีอาการข้างซ้ายไม่ได้ยิน ข้างขวาได้ยินปกติ

หมอวินิจฉัยว่า ประสาทหูเสื่อมเฉียบพลัน

ในวินาทีนั้นอึ้ง เพราะนึกว่าหูอื้อจากการน้ำเข้าหูเฉยๆ

หมอบอกวันนี้วันหยุดไม่มีเจ้าหน้าที่ทดสอบการได้ยินตามปกติ (audiogram) เราต้องไปตรวจ รพ. อื่นแล้วกลับมาแอ๊ดมิทที่นี่ก็ได้ ต้องรักษาเร่งด่วนเพราะโอกาสหายน้อย ต้องฉีดสเตียรอยด์

พยาบาลหา รพ. ให้เพื่อทดสอบ audiogram ได้ที่ รพ. ปิยะเวท เราเลยบึ่งมาปิยะเวทต่อ

มาตรวจละเอียดที่ปิยะเวท ทำ audiogram แล้วปรากฏว่า กราฟด้านหูซ้ายตกมากแบบเห็นได้ชัด

หมอบอกต้องให้สเตียรอยด์โดสสูงกินก่อน 1 สัปดาห์ หากไม่ดีขึ้นจะฉีดเข้าที่แก้วหู

ในใจก็อยากหาย ไม่ว่าจะรักษาเจ็บยังไงก็ไม่กลัว แต่อีกใจก็กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งเหมือนจะทำให้แยกความกังวลไม่ออกตอนนั้น

นอกจากนั้นต้องมีการทำ MRI ก้านสมองและฉีดสี ตรวจเลือดหาผลผิดปกติ ซึ่งเราก็กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายมากมาย มันเป็น รพ. เอกชน เราไม่มีประกัน OPD คำนวณออกมาไม่รวมค่าห้องนอนพัก อยู่ที่ 28,000 บ

ประกันของเราเป็น AIA แบบ อุบัติเหตุและนอน รพ. จึงจะเคลมได้ เราปรึกษาตัวแทนแล้ว ว่าเคลมได้หมดแน่นอน (ซึ่งสุดท้ายเคลมไม่ได้ ต้องสำรองจ่ายร่วม 37,000 บ)

คุยกับหมอเรื่องออพชั่นการรักษาและค่าใช้จ่าย หมอบอกว่า แอดมิทได้ เพราะต้องเช็คค่าน้ำตาลในเลือด กินสเตียรอยด์แล้วน้ำตาลในเลือดจะพุ่ง อาจจะเป็นเบาหวานตามมา

13/3/2018 บ่าย

สรุปแอดมิทที่ รพ. ปิยะเวท หลังจากสอบถามราคาห้องจากหลายๆ ที่ ในใจคืออยากเริ่มรักษาเลย ไม่อยากเอาผลตรวจย้ายไปมา กลัวจะเสียเวลาไปมากกว่านี้

เริ่มเจาะเลือด ให้น้ำเกลือ ทำ MRI (เข้าไปนอนสแกน 40 นาที นานมาก) แล้วไปพักที่ห้องพักชั้น 15 (นี่แอดมิทแบบ ไม่ได้คาดฝันเลย เพราะประตูหน้าต่างที่ระเบียงที่คอนโดยังเปิดไว้ตอนเช้า กะกลับไปปิดตอนบ่าย) ไม่ได้มีของอะไรเตรียมมา รพ. เลย เสื้อผ้า ชุดอาบน้ำครีมพกพา หรือ ที่ชาร์จมือถือก็ไม่มี โทรหาแม่ โพสเฟสบอกข่าวเพื่อนก่อนแบตหมด ก็นอน รพ ไป 1 คืน พยาบาลมีมาเทียวเช็คไข้ เช็ความดัน เช็คน้ำตาล เจาะเลือดไปตรวจทั้งวันทั้งคืน จนเช้าของอีกวัน

14/3/2018

หลังจากกินยามา อาการปกติดี ไม่ปวดท้อง ไม่เวียนหัว อาเจียน หมออายุรเวทแจ้งว่า น้ำตาลในเลือดสูงเกินมานิดหน่อย จากการตรวจตอนเช้า (125 จากปกติไม่เกิน 99) จึงมาการนัดมา Follow up ในอีก 2 วัน) เพื่อป้องกันการเป็นเบาหวานตามมา

หมอหูแจ้งว่า จากการ MRI และตรวจเลือดไม่เจอความผิดปกติ สรุปว่า เป็นโรคหูดับฉับพลัน แบบไม่พบสาเหตุ ให้ยา 7 วันกลับมาเช็คอีกรอบ

ส่วน MRI พบซีสท์บริเวณท้ายทอยก้อนเล็กๆ ไม่เกี่ยวกับเรื่องหู จึงนัดมาพบแพทย์ประสาทสัปดาห์หน้า

กลับบ้านในตอนบ่ายแก่ๆ พร้อมยา และสำรองจ่ายเอง โชคยังดีมีเงินในบัญชีบ้าง ประกันเคลมไม่ผ่านในทันที ต้องยื่นเรื่องเคลมตามทีหลังกับตัวแทน

รายการยากลับบ้าน:

  • ยานอนหลับ Alprazolam 0.25mg Tab
  • ยาลดกรด Omeprazol 20mg Cap
  • สเตียรอยด์ Prednisolone 5mg Tab
  • แก้วิงเวียน Betahistine 24mg Tab
  • บำรุงประสาท Ginkgo Bilabo Extract 120mg Tab

15/3/2018

กินยา และใช้ชีวิตตามปกติ แคนเซิ้ลงานลูกค้าสัปดาห์หน้าทั้งอาทิตย์ เพราะงดออกกำลังกายและต้องพักผ่อนให้พอ รวมทั้งมีนัดหมออีกหลายโรค (นอนไม่หลับ, ภูมิแพ้, นัดตรวจเลือดตรวจหูต่อ) หลายโรงพยาบาลอีกหลายครั้งในสัปดาห์นั้น

ความกังวลไม่หมดไป ก็ทำใจไว้บ้าง สวดมนต์ขอพรพระ แผ่ส่วนกุศล ไปตามเรื่องตามราว และวางแผนค่าใช้จ่ายที่จะตามมา

16/3/2018

กินยาและอาหารอย่างเคร่งครัด ทำงานบ้าน และงานคอม ดูทีวี ไปตามเรื่องตามราว สังเกตความเปลี่ยนแปลงหู มีการได้ยินขึ้นนิดหน่อย เท่ากับตอนอุดหูข้างขวาไว้

งดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืน ไปตรวจน้ำตาลพรุ่งนี้

17/3/2018

มาตรวจน้ำตาลที่ปิยะเวทตั้งแต่เช้า เพราะว่า ต้องกินยาหลังอาหารเช้า ไม่อยากข้ามยา ผลตรวจ น้ำตาลยังเกินอยู่ (115) แต่ไม่น่าเป็นห่วง เพราะไม่ได้พุ่งมากไป เป็นผลจากการกินยา ตรวจไป 3 อย่าง มี electrolyte, sugar และ ค่าน้ำตาลเฉลี่ยย้อนหลัง (ตัวย่อจำไม่ได้)

จ่ายค่าตรวจไปอีก 2,000 บาท

คืนเมื่อวานเพื่อนส่งเรื่องของคนอาการเดียวกันมาให้อ่าน เค้าไปฝังเข็มด้วย เลยตัดสินใจไปฝังเข็มด้วย ที่ รพ. หัวเฉียว ในตอนเช้าวันเดียวกัน

หมอจีนซักถามแล้วลองใช้ส้อมเสียงตรวจ เหมือนกัน และยังบอกว่า ยาสเตียรอยด์ที่หมอแผนปัจจุบันจ่ายก็ต้องกิน ทำการฝังเข็มรอบหูซ้าย และ แขนขาเท้ามือฝั่งซ้าย อีก 3-4 จุด ค้างไว้ ราวๆ ครึ่งชั่วโมง หมอแนะนำให้มาฝังเข็มทุกวันเพราะต้องรีบรักษา

หมอแนะนำไปหา saffron (หญ้าฝรั่น หรือ ดอกคำฝอยทิเบต) มาชงทาน ช่วยเรื่องประสาทหู รีบทานเร็วยิ่งดี เพราะที่ รพ. ไม่มี จนป่านนี้ ยังหาไม่ได้เลย ไม่รู้จะได้ไม๊ ต้องกินช่วงแรกๆ

หาในเน็ทจึงพบว่า ดอกคำฝอยไทย กับ saffron (หรือหญ้าฝรั่น) เป็นคนละตัวกัน และ saffron ก็มีหลายเกรด

นี่ก็ไปหาที่วิลล่าร์มาร์เก็ต ตามหมอบอกว่า คนไข้เคยไปเจอ มันจะอยู่แถบๆ ชั้นเครื่องเทศพวก ออริกาโน่ พวกผงอะไรพวกนั้น (ไม่ใช่อยู่แถวชานะ) เป็นเกรดเครื่องเทศทำครัว (ก็ยังดีวะ) เพราะ ห่อแค่นิ้วก้อย ราคาตั้ง 400 กว่าบาท เค้าว่ากินโลละเป็นแสนแหนะ แต่ใครจะไปกินถึงกิโลหละ สรุปได้มาสมใจ เอามาชงน้ำร้อนกิน

งานวิจัยศึกษา ฝังเข็ม อ่านเพิ่มเติม

  • https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4468258/
  • https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4937959/
  • https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4412536/

18/4/2018

คืนเมื่อวานคุยกับน้องที่เป็นหมอที่สถาบันประสาทวิทยา ไม่รู้ว่าน้องดูเรื่องอื่นด้วย นึกว่าดูแต่โรคลมชัก

น้องก็มาคุยให้คำแนะนำว่า ฝังเข็มทางหมอปัจจุบันมองว่า มันเหมือนเป็นที่พึ่งทางใจมากกว่า การรักษา ถ้าไม่ได้ขัดสนเรื่องค่าใช้จ่ายก็ไปทำได้ รวมถึงไม่ต้องเครียดมาก เพราะเส้นประสาทที่ตาย ร่างกายจะสร้างให้งอกและโตใหม่ภายใน 3 เดือน

การตรวจน้ำตาลซ้ำอาจจะไม่จำเป็นเพราะกินสเตียรอยด์ มันต้องพุ่งอยู่แล้ว และระดับมันจะลดลงเมื่อลดระดับยา (ในความเห็นส่วนตัวเรา เราว่าควรตรวจ เพราะหากมากเกินไปมันก็เป็นอันตราย)

ในความเห็นของน้องหมอ ส่วนของเส้นประสาทที่อักเสบและตายไป จะงอกขึ้นใหม่ ภายใน 3 เดือนนั้น น้องหมอบอกว่า การกินสเตียรอยด์ก็เพื่อไปทุเลา และย่นระยะการสร้างใหม่ ถึงไม่ทำอะไร ภายใน 3 เดือนก็จะงอกและเติบโตใหม่อยู่ดี

ตัวเราเห็นว่า เท่าที่อ่านการศึกษา งานวิจัยและบทควาทเรื่องโรคนี้ ต้องทำการรักษาภายใน golden period คือ 1 – 2 สัปดาห์ และผู้ที่รักษาอาการไม่ดีขึ้นภายในช่วงนี้การหายก็จะยากขึ้น ไปจนถึงไม่หายเลย คนที่อยู่กับอาการของโรคนี้ย่อมใจไม่ดี และอยากรักษาให้มีอาการกระเตื้องขึ้นภายใน 2 สัปดาห์

จริงๆ มี option การเข้าห้องดมออกซิเจน 95% ที่ รพ. ปิยะเวท จำนวน 7-10 ครั้ง เรียก oxygen chamber หรืออะไรสักอย่าง ราคาราวๆ 38,000 ซึ่งเราจ่ายเองไม่ไหว เคลมอะไรไม่ได้อีก เลยทำใจขอข้ามไป

เราจึงเลือก option แพทย์จีนฝังเข็ม เสริมเข้าไป เพราะค่าใช้จ่ายราวๆ 400 – 800 บ ต่อครั้งเรายังไหว

แต่หลังจากฟังเรื่องเส้นประสาทงอกใหม่ใน 3 เดือน ก็ทำเราใจชื้นขึ้นนะ เพราะคงต้องรีบกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ใช้ชีวิตให้มีความสุขกว่าเดิม ออกกำลังกาย และทำในสิ่งที่ชอบเหมือนเดิม เพราะเราไม่เคยรู้เลยว่า ชีวิตเราพรุ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงไปยังไง

20/4/2018

ไปตรวจตอนบ่ายตามนัด เข้าเช็ค augiogram ปรากฏว่า กราฟยกตัวขึ้นมาดีกว่าเดิมเยอะ ตามความรู้สึกเราเลยคือ ประมาณ 55% ของข้างขวา รวมถึง ยังมีเสียงแตก เสียงแหลมที่ยังได้ยินเบาๆ ห่างๆ นอกจากนั้นยังมีเสียง วิ๊งๆ บ้าง เหมือนคลื่นแทรก และ เสียงเครื่องบินบินผ่าอากาศ ในบางที

โดยรวมในใจเราก็โอเคนะ ว่าดีขึ้นมาได้ขนาดนี้ หมดตังไปหลายอยู่ ก็ทำใจไว้บ้างแล้ว และไม่เครียดกับมัน วันนี้หมอเลยไม่ฉีดสเตียรอยด์เข้าหู และจ่ายยาอีก 1 สัปดาห์แบบเต็ม และ อีกสัปดาห์แบบลดโดส ลดมื้อยา ลงไป

ส่วนการตรวจพบซีสท์ในกะโหลก หมออีกคน บอกว่า อีกสัก 6 เดือนค่อยทำ MRI ใหม่ว่า มีอะไรแปลกไปหรือเปล่า

ส่วนการฝังเข็ม อาจจะกลับไปสักครั้งสองครั้ง คิดดูก่อน เพราะครั้งล่าสุด เช็คหูมันช้ำๆ เลือดจ้ำข้างใน บวมๆ หน่อย เลยงดไปวันนี้ (งดการจ่ายเงินด้วย 555)

อัพเดท 5/11/2019

หลังจากป่วย ทานยาจนหมด ก็อาการดีขึ้นราวๆ 50% เราก็ทำใจว่า ได้แค่นี้ก็ยังดี หลังจากนั้น ก็ราวๆ 3 – 4 เดือน อาการดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งน่าจะ 90% ในตอนนี้ ถือว่า โชคดี ที่กลับมาได้

คนที่เกิดอาการเหล่านี้ แล้วมาอ่าน ก็แนะนำว่า ให้ไปพบหมอ การรักษาโดยทั่วไปคือ การกินสเตียรอยด์ (หรือฉีด) รีบรักษาก็จะหายได้ อย่าปล่อยไว้นาน กรณีเราคือ มีอาการอยู่ไม่เกิน  3 วันไปหาหมอค่อนข้างเร็ว

และเมื่อทำการรักษาแล้ว กินยาจนครบคอร์สแล้ว ก็อาจจะยังไม่หาย หรือ  ดีขึ้นเล็กน้อย ก็ไม่ต้องกังวลมาก เพราะก็ต้องให้เวลามัน บำรุงร่างกายและระบบประสาท  ซื้อพวก ginko มาทานเพิ่มหลังจากหมดทานมันจะกว่าจะดีขึ้นนั่นแหละ  หญ้าฝรั่น ฝังเข็ม หรือ เข้าสูดอ๊อกซิเจน ก็เป็นทางเลือกที่เค้าใช้กัน  มีปัจจัยก็ทำไปเลย อย่าเสียเวลาคิด เพราะมีโอกาสรักษาครั้งเดียว

ควรทำใจว่าโรคนี้มันเป็นยาก และหายยาก อยู่เฉยหูดับ เอ๊ะ ไปกินหมูกระทะมาหรือเปล่านะ ก็อาจจะใช่ เพราะช่วงนั้นก็กินอยู่บ่อยๆ

Leave a Reply